วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน 2555
ณ ห้องประชุมสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ตึกช้าง อาคารบี ชั้น 9
จัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ร่วมกับ สถาบันนานาชาติเพื่อเอเชียแปซิฟิก มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
นายสมเกียรติ ตรีรัตนพันธ์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวในสัมมนาเรื่อง “ถอดรหัส TPP-RCEP: ประเทศไทยได้-เสีย” จัดโดย สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ ว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคของอาเซียน (RCEP) เป็นความสำคัญในการสร้างความมั่นใจที่จะขับเคลื่อนการรวมตัวเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียน ขณะนี้เริ่มต้นไประดับหนึ่ง ซึ่งมีโอกาสที่จะเห็นได้เร็วกว่าการทำยุทธศาสตร์หุ้นส่วนในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก (TPP) เพราะเริ่มทำกรอบการเจรจาแล้ว ”การเจรจาไม่ใช่เรื่องยาก เราสามารถเดินหน้าเจรจาพร้อมกันได้ทั้ง RCEP และ TPP ซึ่งเป็นทิศทางของการเปิดเสรีในอนาคต เพียงแต่จะไปแบบช้าๆ แต่สุดท้ายจะเกิดได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล” นายสมเกียรติ กล่าว อย่างไรก็ดี มีความเป็นห่วงว่าหากไทยยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเลือกทำข้อตกลงอะไร จะทำให้นักลงทุนต่างชาติย้ายหนีไปลงทุนหรือขยายการลงทุนที่ประเทศเพื่อนบ้านที่เข้าร่วมการเจรจาเหล่านี้แทน โดยเฉพาะประเทศเวียดนาม
น.ส.รัชดา เจียสกุล ผู้จัดการอาวุโส บริษัท ไบรอัน เคฟ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ได้มีการศึกษาผลกระทบต่อเศรษฐกิจไว้ 4 กรณี ได้แก่ กรณีแรกไทยไม่ตัดสินใจเลือกทำทั้ง TPP และ RCEP จะทำให้จีดีพีติดลบ 0.28% กรณีที่ 2 ไทยเลือกทำเจรจาเฉพาะ RCEP จะทำให้จีดีพีเพิ่มขึ้น 1.6% กรณีที่ 3 เลือกทำเจรจา RCEP และ TPP จีดีพีจะเพิ่มขึ้น 1.37% และกรณีสุดท้าย ไทยเลือกทำเจรจา FTA และ TPP จีดีพีจะบวก 3.38% ขณะที่ประเด็นอ่อนไหวที่อาจเกิดจากการเจรจา TPP ซึ่งไทยจะต้องเตรียมตัวรับ คือ เรื่องทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะเรื่องสิทธิบัตรยา ดังนั้น ไทยต้องวิเคราะห์นโยบายสาธารณสุขให้ดีว่าเราพร้อมหรือไม่ และเรื่องการเปิดเสรีภาคบริการและลงทุน
Credit by Thai Post (http://thaipost.net/news/011212/65965)